ข้อควรระวัง
[โบท็อกซ์] - โบท็อกซ์ริ้วรอย จะเริ่มเห็นผลลัพธ์หลังทำ 1-2 สัปดาห์ - โบท็อกซ์กรามและบอดี้โบท็อกซ์ จะเริ่มเห็นผลลัพธ์หลังทำ 3-4 สัปดาห์ - บริเวณที่ฉีดอาจมีอาการช้ำ ปวด บวมได้เล็กน้อย แต่อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ - งดนวดหรือกด บริเวณทีฉีดเป็นเวลา 1-2 วัน - สามารถล้างหน้า อาบน้ำ และแต่งหน้าได้เลยภายในวันเดียวกัน ในกรณีที่ฉีดสกินโบท็อกซ์ แนะนำให้ล้างหน้าเบา ๆ และสามารถแต่งหน้าได้ในวันถัดไป - ผลลัพธ์ของโบท็อกซ์ อาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดอ่อนแรงลงได้ ไม่แนะนำให้ทำหัตถการในบริเวณที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวัน - กล้ามเนื้อบริเวณที่ไม่ได้ฉีด อาจเกิดการใช้งานหนักขึ้นจนดูนูนมากกว่าส่วนที่ฉีดโบท็อกซ์ได้ หากเป็นเช่นนั้นแนะนำให้ฉีดโบท็อกซ์เพิ่มในส่วนที่นูนขึ้น - เพื่อผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานขึ้น แนะนำให้ลดการใช้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ -หลังฉีดโบท็อกซ์กราม อาจมีอาการมุมปากตก หรือรู้สึกว่าขยับปากลำบากเล็กน้อย (เป็นอาการที่พบได้น้อย) -หลังฉีดโบท็อกซ์บริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว หรือรอบดวงตา บางครั้งอาจมีอาการคิ้วตก รู้สึกหนักที่หน้าผาก หรือหนังตาตกได้ ส่วนใหญ่จะหายไปเอง ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เพื่อป้องกันผลข้างเคียง หลีกเลี่ยงการนวดหรือถูบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ -หลังฉีดโบท็อกซ์บริเวณบ่า/ไหล่ งดออกกำลังกายหนักๆ งดสะพายกระเป๋าข้างเดียว งดนวดหรือคลึงไหล่ ประมาณ 1 สัปดาห์ -หลังฉีดโบท็อกซ์น่อง งดการออกกำลังกายหนักๆ การเดินขึ้นลงบันได การใส่รองเท้าส้นสูง และการขับรถ
[ฉีดสลายไขมัน(ใบหน้า/ตัว)] -หลังฉีดสามารถล้างหน้า อาบน้ำ และแต่งหน้าได้ -งดการออกกำลังกายหนัก ๆ งดดื่มแอลกอฮอล์ 2-3 วัน และงดสูบบุหรี่ 1 สัปดาห์ -หลังฉีดกรุณาทานยาตามที่แพทย์สั่ง -หากมีอาการไม่สบายรุนแรง เช่น มีผื่นแดง อาการบวม หรือคันอย่างรุนแรง หลีกเลี่ยงการเกาหรือถูแรง ๆ บริเวณที่ฉีด แนะนำให้ติดต่อทางคลินิกโดยเร็วที่สุด -อาจมีอาการใจสั่น มือสั่น อาเจียน หรือเวียนหัวเกิดขึ้นได้ ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปภายใน 2-3 ชั่วโมง และอาการจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล -อาจเกิดอาการบวม ช้ำ รอยจ้ำ ปวด คัน และรู้สึกร้อนได้ อาการจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล และจะหายไปเองใน 2-3 วัน หรือ 1-2 สัปดาห์หลังฉีด -บางครั้งหลังฉีดอาจมีเลือดออกคล้ายประจำเดือนเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการปกติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่เกิดจากยา -แม้จะพบได้น้อยมาก แต่หากมีอาการบวมรุนแรง เวียนหัว หรือหายใจลำบาก ควรพบแพทย์ฉุกเฉินใกล้บ้านทันที
[V-OLET] -อาจเกิดอาการบวม ช้ำ ผิวไม่เรียบ ปวด รู้สึกร้อน อาการจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล และโดยปกติอาการจะหายไปภายใน 1 สัปดาห์ หรืออาจรู้สึกชาได้ถึง 1 เดือน -เนื่องจากตัวยาสร้างการอักเสบกระตุ้นให้ไขมันสลาย หากประคบเย็นควบคูุ่แล้ว ยังมีอาการปวดอยู่สามารถทานยาแก้ปวดกลุ่ม acetaminophen(ไทลินอล) เท่านั้น
[ฟิลเลอร์] -อาจมีอาการบวม ปวด แดง ร้อน หรือมีรอยช้ำได้ ซึ่งโดยปกติแล้วจะหายไปเองใน 1-2 สัปดาห์ อาการอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล -ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์จะเห็นได้ชัดมากขึ้นเมื่ออาการบวมยุบลงแล้ว ระยะเวลาที่ผลลัพธ์คงอยู่จะแตกต่างกันไปตามการเคลื่อนไหวของใบหน้า หรือปฏิกิริยาในร่างกายที่อาจส่งต่อการย่อยสลายฟิลเลอร์ของแต่ละบุคคล -สามารถล้างหน้าและแต่งหน้าได้หลังฉีด แต่ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์ เข้าซาวน่า การนวด และงดออกกำลังกายหนัก ประมาณ 1 สัปดาห์หลังฉีด เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดการอักเสบ -การกดหรือนวดบริเวณที่ฉีด อาจทำให้รูปร่างของฟิลเลอร์เคลื่อนที่ได้ ควรระวังเป็นพิเศษอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์หลังฉีด เช่น ฟิลเลอร์-จมูกระวังการใส่แว่นตา / ร่องแก้ม-ระวังการขยับปากมากเกินไป / หน้าผาก-งดการนอนคว่ำหน้า งดการใส่หมวก / คาง-งดการเท้าคาง / ริมฝีปาก-ระวังอาหารร้อนจัดหรือเผ็ดจัด งดใช้หลอดดูด ประมาณ 1 สัปดาห์ -คลินิกจะจ่ายยาเพื่อป้องกันการอักเสบหลังฉีด โปรดทานยาให้ครบตามแพทย์สั่ง (หากมีประวัติแพ้ยาโปรดแจ้ง) -แม้จะพบได้น้อยมาก หากมีอาการบวมรุนแรง มีไข้ขึ้น หรืออาการไม่สบายตัวอื่น ๆ ควรติดต่อคลินิกเพื่อเข้ารักษาโดยเร็วที่สุด
[Collagen Volume Booster] -หลังฉีดควรนวดบริเวณที่ฉีดตามคำแนะนำ 5-5-5 (วันละ 5 ครั้ง ครั้งละ 5 นาที เป็นเวลา 5 วัน) - หากในบริเวณที่ฉีดตัวยากระจายไม่ทั่วถึง มีโอกาสที่ผิวในบริเวณที่ฉีดไม่เรียบ หรือเป็นคลื่นได้ โดยสามารถป้องกันได้โดยการนวด 5-5-5 - สามารถล้างหน้าหรือแต่งหน้าได้ในวันเดียวกัน -งดการออกกำลังกายหนัก ๆ เข้าซาวน่า ประมาณ 2-3 วัน งดดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ 1 สัปดาห์ - -คลินิกจะจ่ายยาให้ทานหลังฉีด โปรดทานยาให้ครบตามแพทย์สั่ง -หากมีอาการไม่สบายผิวรุนแรง อย่าถูหรือเกา ให้ติดต่อที่คลินิกโดยเร็วที่สุด -อาการบวม ปวด แดง ร้อน หรือมีรอยช้ำ อาจเกิดขึ้นได้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของลูกค้าแต่ละคน โดยทั่วไปอาการบวม ปวด และร้อนจะหายไปภายใน 3-7 วัน ส่วนรอยช้ำจะค่อย ๆ หายไปภายใน 2 สัปดาห์
[พิลลิ่ง / สกินแคร์] - อาจต้องงดล้างหน้าและแต่งหน้าเป็นเวลา 1-3 วันหลังทำ (ขึ้นอยู่กับหัตถการ) - ทาโลชั่นให้เพียงพอเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง - งดกิจกรรมกลางแจ้ง และทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ เพราะรังสียูวีเป็นสาเหตุของรอยดำและอาจทำให้เกิดซ้ำได้ - งดออกกำลังกายหนัก ๆ เข้าซาวน่า นวด ดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ รวมถึงกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิว เป็นเวลา 1 สัปดาห์ - หากมีอาการแสบร้อนบริเวณที่ทำ ให้ประคบเย็น เพื่อช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนได้ - หลีกเลี่ยงการแกะสะเก็ดแผล เนื่องจากอาจทำให้เกิดรอยดำหรือการอักเสบได้ - แม้จะมีอาการไม่สบายผิว หลีกเลี่ยงการห้ามแกะหรือสัมผัส หากอาการรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์ - อาการแดง ร้อน ผิวแห้ง ปวด หรืออาการอื่น ๆ อาจเกิดขึ้นได้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุลคล โดยส่วนใหญ่จะหายไปเองภายใน 1 สัปดาห์หลังทำหัตถการ
[LDM] -หลังทำหัตถการ ไม่ต้องพักหน้า สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที -อาจเกิดอาการบวม ร้อน ผื่นขึ้น หรืออาการอื่น ๆ ได้ แต่พบได้น้อยมาก โดยอาการเหล่านี้ส่วนใหญ่จะหายไปเองภายใน 2-3 วัน แต่อาจแตกต่างกันได้ในแต่ละบุคคล -หมั่นทาโลชั่นและครีมกันแดด และงดกิจกรรมที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง เช่น การเข้าซาวน่า การประคบร้อน การนวด และการออกกำลังกายหนัก ๆ
[PDT] -หลังทำหัตถการ อาจรู้สึกผิวแห้งเล็กน้อย เนื่องจากมีการปรับสมดุลของต่อมไขมัน - หมั่นทาโลชั่นเพื่อให้ผิวชุ่มชื้น และทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ - อาจมีสะเก็ดแผลเกิดขึ้นภายใน 2-3 วัน และผิวอาจมีลักษณะเหมือนถูกแดดเผาชั่วคราวเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ - หลีกเลี่ยงการแกะหรือถูสะเก็ดแผลที่ลอก - งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารผลัดเซลล์ผิว - สามารถล้างหน้าได้หลังทำหัตถการ - งดการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
[Aladin Peel] - งดล้างหน้าหรืออาบน้ำเป็นเวลา 24 ชั่วโมง หากรู้สึกแสบผิวมาก สามารถล้างหน้าเบา ๆ ด้วยน้ำเย็นได้ -งดแต่งหน้าหลังทำหัตถการ -หลังทำหัตถการผิวอาจลอกเป็นขุยและมีอาการคัน ควรงดแกะหรือเกาผิวที่ลอก -งดออกกำลังกายหนัก ๆ เข้าซาวน่า นวด ดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ รวมถึงกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิว เป็นเวลา 1 สัปดาห์ -หากต้องการทำหัตถการผลัดเซลล์ผิวอื่น ๆ ในบริเวณเดียวกันให้เว้นช่วง 1 เดือนหลังจากนี้
[Cross Peeling] -งดออกกำลังกายหนัก ๆ เข้าซาวน่า นวด ดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ รวมถึงกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิว เป็นเวลา 1 สัปดาห์ -สะเก็ดแผลจะหลุดไปเอง หลีกเลี่ยงการแกะ เนื่องจากอาจเกิดรอยดำหรือการอักเสบได้ -งดแต่งหน้าหลังทำหัตถการ และทาโลชั่นเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นเพียงพอ -แนะนำให้ทำหัตถการ 3 ครั้งขึ้นไป โดยเว้นระยะห่างประมาณ 1 เดือน
[เลเซอร์ CO2 /พิโค่ Fraxel/Sellas/โพเทนซ่า/Agnes] - อาการระคายเคือง บวมแดง และปวดหลังจากทำหัตถการ จะอยู่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ - หลีกเลี่ยงการแกะสะเก็ดแผล ตวรปล่อยให้หลุดลอกไปเอง -งดล้างหน้าหลังทำหัตถการ แต่สามารถล้างหน้าได้ในวันถัดไป แนะนำให้ล้างหน้าเบา ๆ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ -หลีกเลี่ยงการเข้าซาวน่า ประคบร้อน ว่ายน้ำ ดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ประมาณ 1 สัปดาห์ -หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง แนะนำให้ทาครีมกันแดดและโลชั่นอย่างเพียงพอ
[Subcision] - บริเวณที่ทำอาจมีรอยเข็มและรอยช้ำได้ รอยช้ำจะค่อย ๆ จางลงหลัง 1 สัปดาห์ โดยขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุลคล -แนะนำให้ทาครีมรักษารอยช้ำเวลาเช้าและเย็น ประมาณ 3-5 วัน -เพื่อป้องกันการติดเชื้อ งดสัมผัสด้วยมือบริเวณที่รับหัตถการ -รอยบุ๋มหรือหลุมสิวที่เกิดขี้นแล้ว ไม่สามารถรักษาได้ด้วยหัตถการเพียงครั้งเดียว แนะนำให้ทำ 3-5 ครั้งขึ้นไป และระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
[เลเซอร์โทนนิ่ง, พิโค่โทนนิ่ง, พิโค่ชัวร์โทนนิ่ง, เจเนซิส, Excel V] -อาจต้องงดล้างหน้าและแต่งหน้าเป็นเวลา 1-3 วันหลังทำ (ขึ้นอยู่กับหัตถการ) -หมั่นทาโลชั่นเพื่อให้ผิวชุ่มชื้น -งดกิจกรรมกลางแจ้ง และทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ เพราะรังสียูวีเป็นสาเหตุของรอยดำ และอาจทำให้เกิดรอยซ้ำได้ -งดออกกำลังกายหนัก ๆ เข้าซาวน่า นวด ดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ รวมถึงกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิว เป็นเวลา 1 สัปดาห์ -หากมีอาการแสบร้อนบริเวณที่ทำ ให้ประคบเย็น เพื่อช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนได้ - หลีกเลี่ยงการแกะสะเก็ดแผล เนื่องจากอาจทำให้เกิดรอยดำหรือการอักเสบได้ - หากรู้สึกไม่สบายผิว หลีกเลี่ยงการแกะหรือสัมผัส หากอาการรุนแรงให้ติดต่อทางคลินิกหรือพบแพทย์ฉุกเฉินใกล้เคียง - อาจมีอาการแดง ร้อน ผิวแห้ง ปวด หรืออาการอื่น ๆ ได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะหายได้ภายใน 1 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล -อาจเกิดสะเก็ดแผลหรือรอยช้ำได้ จะค่อย ๆ ดีขึ้นหลัง 2-3 สัปดาห์ (ขึ้นอยู่กับหัตถการ) -สีผิวอาจจะดูเข้มขึ้นชั่วคราว เป็นกระบวนการที่เม็ดสีที่ถูกทำลายกำลังถูกขับออกจากร่างกาย -อาจมีสิวหรือผื่นขึ้นได้ชั่วคราว